ปลายปีเช่นนี้ เพื่อนหลายๆ คนคงกำลังมองสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเดินทางไปพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และใช้เวลารีเซตกายใจ ชาร์จแบตเติมพลังให้กับชีวิตหลังจากเคร่งเครียดจากการทำงานมาตลอดทั้งปี ซึ่งจะว่าไปแล้วในเมืองไทยนัั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่บรรยากาศเงียบสงบและบรรยกาศดี อีกทั้งมีนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านอยู่เป็นจำนวนมาก ตามไปป่ะล่ะ! ออกเดินทางไปพักผ่อน หายใจโล่งๆ และปลดปล่อยความเครียดไปด้วยกัน
1.คีรีวง
ถูกขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย เพราะเป็นหมู่บ้านที่ถูกโอบกอดด้วยขุนเขา และมีแหล่มต้นน้ำที่ใสสะอาด รวมทั้งอาชีพเกษตรกรรมที่ปลูกพืชผลได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าความอุมดสมบูรณ์ของที่นี่เป็นตัวชูโรงทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนติดใจอยากมาพักผ่อน ปลดปล่อยความเครียดกันที่คีรีวงมากมาย
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่หมู่บ้านอย่างกลุ่มลูกไม้ กลุ่มบ้านสมุนไพร กลุ่มลายเทียน กลุ่มใบไม้มัดย้อม กลุ่มหัตถกรรม กลุ่มทุเรียนกวน และกลุ่มลูกหยี 3 รส
รวมทั้งที่พักโฮมสเตย์สวยๆ ใกล้ชิดธรรมชาติก็มีให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายและอยากสัมผัสอากาศที่ดีที่สุดในประเทศไทยก็ต้องไปที่ หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช
ที่ตั้ง : หมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
โทรศัพท์ : 08 6788 8718
เว็บไซต์ : www.kiriwonggroup.com
2.เชียงคาน
เมืองน่ารักที่มีเสน่ห์ติดริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ เป็นเมืองที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิม ทำให้เป็นที่เชียงคานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดชาร์จสำหรับการการพักผ่อนและปลดปล่อยความเครียด โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวเชียงคานอย่างเต็มรูปแบบ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีอีสาน
หรือชมวิวบรรยากาศริมแม่น้ำโขง ที่เชียงคานก็ถือว่าตอบโจทย์ไม่น้อย ในช่วงเย็นก็จะมีถนนคนเดินเชียงคานที่มีร้านรวงมาขายสินค้าของที่ระลึกและอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ อีกเพียบ ถือเป็นสถานที่ที่สร้างความประทับใจและเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง
ที่ตั้ง : อ.เชียงคาน จ.เลย
โทรศัพท์ : 042 812812
เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org/loei
3.นครนายก
มาพักผ่อนและให้ธรรมชาติช่วยบำบัดความเครียดกันที่ จ.นครนายก ซึ่งเป็นจังหวัดที่เดินทางสะดวกใกล้กรุงเทพฯ และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ วัดพราหม์มณี หรือ วัดหลวงพ่อปากแดง ที่เป็นวัดเก่าแก่ชื่อดังของ จ.นครนายก หรือจะไปไหว้ขอพรกับพระพิฆเนศที่อุทยานพระพิฆเนศ
นอกจากนี้ยังมีพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ สวนพุทธชยันตี 2600 ปี, นมัสการหลวงปู่มั่นที่วัดถ้ำสาริกา, น้ำตกวังตะไคร้, เขื่อนขุนด่านปราการชล ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมาก เหมาะแก่การพักผ่อนในช่วงวันหยุดจริงๆ
ที่ตั้ง : จ.นครนายก
โทรศัพท์ : 037 312282, 037 312284
เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org/nakhonnayok
4.ฉะเชิงเทรา
จังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว และใช้เวลาในการเดินทางแค่ 45 นาที ก็ถึงเมืองแปดริ้วแล้ว ซึ่งนอกจากจะอยู่ใกล้และเดินทางสะดวกแล้ว ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าใจอย่าง วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวแปดริ้ว และเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโสธร ที่ประชาชนให้ความนับถือและแวะเวียนมาสักการะกันอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้ยังมี ตลาดโบราณนครเนืองเขต ที่เป็นแหล่งรวบรวมอาหารอร่อยและของที่ระลึกอีกมากมาย, วัดจีนประชาสโมสร, วัดสมานรัตนาราม, งัดปากน้ำโจ้โล้, สวนปาล์มฟาร์มนก เป็นต้น หากใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ เดินทางสะดวกก็ลองแวะมาเที่ยวที่ จ.ฉะเชิงเทรา กันนะ
ที่ตั้ง : จ.ฉะเชิงเทรา
โทรศัพท์ : 02 2505511 (ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ)
เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org
5.น่าน
ปลดปล่อยความเครียดและมาเติมความสุขกันที่ จ.น่าน จังหวัดเล็กๆ ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทั้งเชิงศิลปวัฒนธรรม เชิงธรรมชาติที่อุมดสมบูรณ์ และสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนที่น่ารัก
แถมที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่จะเติมเต็มความสุขให้คุณมากมาย อาทิ ดอยเสมอดาว ชมภาพกระซิบรักบันลือโลกที่วัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน หอศิลป์ริมน่าน อุทยานแห่งชาติดอยภูคา วัดพระธาตุแช่แห้ง ล่องแก่งลำน้ำว้าที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม ฯลฯ
และยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวคลายเครียดก็ลองมาที่ จ.น่าน กันนะ
ที่ตั้ง : จ.น่าน
โทรศัพท์ : 054 521118 (ททท.สำนักงานแพร่)
เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org/phrae
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น