อร่อยจัดเต็ม 5 ร้านอาหารอร่อยระยอง เด็ดทุกเมนู

เอาใจคนรักซีฟู้ดและอาหารทะเลอร่อยๆ พาไปตะลุยร้านเด็ดเมืองระยอง ที่ใครไปแล้วต้องแวะชิมและเช็คอินสนั่นออนไลน์ 

1.ร้านทะเลมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง

เห็นชื่อร้านแปลกๆ แบบนี้ไม่ใช่การพยากรณ์อากาศหรือกรมอุตุฯ แต่นี่คือร้านอาหารอร่อยเจ้าดังแห่งจังหวัดระยองที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อร้าน เพราะที่นี่เป็นร้านอาหารน่านั่งวิวสวยริมหาดแสงจันทร์ เหมาะสำหรับนั่งทานอาหารอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสบาย และยังมีเมนูอาหารเด็ดๆ ไว้ให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยอีกมากมาย อาทิ ยำทูน่าซาซิมิ กุ้งทะเลทอดกระเทียม ยำปลาอินทรีย์คั่วตะไคร้ ปูม้าผัดพริกเกลือ ฯลฯ ใครที่กำลังหาร้านอาหารบรรยากาศดีวิวทะเลสวยก็ลองแวะมาที่ร้านทะเลมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง

ที่ตั้ง : 2/71 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง

โทรศัพท์ : 038 940223, 08 5111 9705

เว็บไซต์ : www.facebook.com/ทะเลมีคลื่น-เล็กน้อยถึงปานกลาง-ระยอง

ขอบคุณภาพจาก: https://web.facebook.com/ทะเลมีคลื่น-เล็กน้อยถึงปานกลาง-ระยอง

2.ร้านแหลมเจริญ ซีฟู้ด

ร้านอาหารทะเลชื่อดังประจำจังหวัดระยอง เปิดให้บริการมานานกว่า 30 ปี และมีสาขาบนห้างดังอีกมากมาย ใครที่แวะมาเที่ยวระยองต้องมาชิมอาหารอร่อยร้านนี้กันแทบทุกราย สำหรับพระเอกของร้านคงหนีไม่พ้น ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ที่ทางร้านรับประกันถ้าใครมาแล้วไม่สั่งถือว่ามาไม่ถึงร้าน และนอกจากนี้ยังมีเมนูซีฟู้ดเด็ดๆ อีกมากมาย อาทิ ปูม้านึ่ง ยำปลาข้าวสาร ปลากหมึกแดดเดียว และอีกหลากหลายเมนูที่กำลังรอให้คุณมาสัมผัสความอร่อย

ที่ตั้ง : ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง

โทรศัพท์ : 039 940094, 038 940082, 09 3778 3838

เว็บไซต์ : www.laemcharoenseafood.com

ขอบคุณภาพจาก: https://web.facebook.com/LaemChareon

3.ร้านอาหารบ้านระเบียงไม้ระยอง

ร้านอาหารที่มีวิวทะเลสวยที่สุดในจังหวัดระยอง ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยทะเล มุมสงบมุมหนึ่งของชายหาดบ้านเพ บรรยากาศริมทะเลกับอาหารทะเลสดๆ รสชาติถูกใจที่พร้อมเสิร์ฟให้คุณได้อิ่มอร่อยกันจนพุงกาง อาทิ กุ้งสะดุ้งไฟ กุ้งราดซอสมะขาม แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว กั้งกระดานทอดกระเทียม แกงคั่วปูไข่หน่อไม้ดอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารอร่อยๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่ามาร้านอาหารบ้านระเบียงไม้ระยองก็ได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มเอมใจไปกับบรรยากาศที่สวยงามจริงๆ

ที่ตั้ง : 141 ม.2 ถ.ปากคลองเพ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง

โทรศัพท์ : 038 652488

เว็บไซต์ : www.baanrabeangmai.com

ขอบคุณภาพจาก: https://web.facebook.com/baanrabeangmai.rayong/

4.ร้านอาหารทะเลรายอง

ร้านอาหารน่านั่งบรรยากาศดีวิวทะเลสวยที่พร้อมให้บริการอาหารทะเลสดๆ ที่คัดคุณภาพไว้ให้คุณได้ลิ้มลอง ภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงามโดยเน้นโทนสีขาวฟ้าเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศทะเล พร้อมอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารจากกุ๊กฝีมือเยี่ยมที่รังสรรค์เมนูมาให้คุณได้ลองลิ้มชิมรสอีกมากมาย เช่น กุ้งผัดพริกเกลือ ปลากะรังแดงทอดราดน้ำปลา หอยตลับผัดฉ่า กุ้งหลงเกาะ หมึกผัดไข่เค็ม เป็นต้น และเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีสดจากวงดนตรีมากฝีมือที่จะทำให้มื้ออาหารของคุณเป็นมื้อที่พิเศษกว่าวันอื่นๆ

ที่ตั้ง : 280/4 ม.2 ถ.เพ-แกลง-บ้านกร่ำ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง

โทรศัพท์ : 08 1372 7321, 038 651107

เว็บไซต์ : www.baanrabeangmai.com

5.ร้านหาดแสงจันทร์ซีฟู้ด

ร้านอาหารทะเลอร่อยบริเวณชายหาดแสงจันทร์ ภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงาม เหมาะสำหรับนั่งทานอาหารในบรรยากาศชิลๆ มีหลายมุมให้เลือกนั่งพักผ่อน ท่ามกลางลมทะเลที่แสนเย็นสบาย ในส่วนของเมนูอาหารนั้นจะมีทั้งซีฟู้ดและอาหารพื้นเมืองที่หาทานได้ยาก อาทิ ยำปลาข้าวสาร เมี่ยงตะไคร้ ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว ยำมะระกุ้งสด ปูนิ่มทอดกระเทียม ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการแสดงวงดนตรีที่จะมาขับกล่อมบทเพลงเพราะๆ ให้บรรยากาศในหารทานอาหารของคุณอร่อยและมีความสุขขึ้นอีกด้วย

ที่ตั้ง : 78/6 ม.2 ด้านหน้าหาดแสงจันทร์รีสอร์ท ถ.เลียบชายฝั่ง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง

โทรศัพท์ : 038 620585, 038 621434, 038 621433

เว็บไซต์ : www.hadsaengchan.com

ขับรถชั่วโมงเดียวก็ถึง 5 ที่เที่ยวยอดนิยมใกล้กรุง วันไหนก็ไปได้

หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่มีเวลาวันหยุดพักผ่อนเพียงน้อยนิด และไม่ชอบการเดินทางขับรถไกลๆ วันนี้ ไปป่ะล่ะ! มีเส้นทางท่องเที่ยวใกล้กรุงและได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มาชวนเพื่อนๆ ออกไปใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดด้วยกัน

 

1.ฉะเชิงเทรา

จังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว และใช้เวลาในการเดินทางแค่ 45 นาที ก็ถึงเมืองแปดริ้วแล้ว ซึ่งนอกจากจะอยู่ใกล้และเดินทางสะดวกแล้ว ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าใจอย่าง วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวแปดริ้ว และเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโสธร ที่ประชาชนให้ความนับถือและแวะเวียนมาสักการะกันอย่างล้นหลาม

นอกจากนี้ยังมี ตลาดโบราณนครเนืองเขต ที่เป็นแหล่งรวบรวมอาหารอร่อยและของที่ระลึกอีกมากมาย, วัดจีนประชาสโมสร, วัดสมานรัตนาราม, งัดปากน้ำโจ้โล้, สวนปาล์มฟาร์มนก เป็นต้น หากใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ เดินทางสะดวกก็ลองแวะมาเที่ยวที่ จ.ฉะเชิงเทรา กันนะ

ที่ตั้ง : จ.ฉะเชิงเทรา

โทรศัพท์ : 02 2505511 (ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ)

เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org

2.พระนครศรีอยุธยา

เป็นแหล่งรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย และที่สำคัญเดินทางสะดวกสบายทั้งรถยนต์และรถไฟ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ จ.พระนครศรีอยุธยา มีมากมาย

อาทิ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) และพระพุทธรูปทองสมัยสุโขทัย และยังมี ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดของอยุธยา มีทั้งอาหาร ขนมโบราณ ของเล่น และของที่ระลึกอีกมากมาย, วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดมหาธาตุ ฯลฯ

วันหยุดนี้ถ้ายังไม่มีแพลนที่ไหน ก็ลองจัดทริปเที่ยววัดและโบราณสถานกันดูนะ และรับรองว่ามาเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ที่ตั้ง : จ.พระนครศรีอยุธยา

โทรศัพท์ : 035 246076 – 7

เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org/ayutthaya

3.อ่างทอง

เดินทางสะดวก กินเที่ยวสบายต้องมาที่ จ.อ่างทอง เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง

ยิ่งถ้าใครชื่นชอบไหว้พระทำบุญต้องมาที่อ่างทอง เริ่มกันที่วัดสังกระต่าย ซึ่งเป็นวัดอันซีนอินไทยแลนด์และสวยงามประทับใจมาก โดยจะมีโบสถ์เก่าแก่ที่ถูกปกคลุมด้วยต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งภายในจะประดิษฐานหลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ตำนานเมืองอ่างทอง, บ้านหุ่นเหล็ก และยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ร้านจำหน่ายของที่ระลึกสวยงามอีกด้วย ยังไงวันหยุดนี้ก็ลองแวะมาเที่ยว จ.อ่างทอง กันดูนะ

ที่ตั้ง : จ.อ่างทอง

โทรศัพท์ : 035 536030, 035 535789, 035 536189 (ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี)

4.นครปฐม

เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และยังสามารถเดินทางชิลๆ ด้วยรถไฟได้อีก และที่สำคัญแหล่งท่องเที่ยวก็ยังดึงดูดน่าสนใจ อาทิ ตลาดเก่าบางหลวง ร.ศ.122 ซึ่งมีอายุมากกว่าร้อยปี เสน่ห์ของที่นี่คือชุมชนจีนเก่าแก่ที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อยๆ ให้ได้ทานอย่าง ข้าวเกรียบปากหม้อใส้ผัก ขนมชุนเปี๊ยะ ก๋วยจั๊บหมูฉีก ผัดไทยรสเลิศ ให้ได้อิ่มท้องกันด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างตลาดน้ำดอนหวาย ตลาดน้ำท่านา ตลาดน้ำลำพญา พิพิธภัณฑ์ศิลปะนกฮูก พระราชวังสนามจันทร์ สักการะองค์พระปฐมเจดีย์ กลุ่มแม่บ้านคลองมหาสวัสดิ์ที่จัดจำหน่ายข้าวตังแสนอร่อยและวิสาหกิจชุมชน

เรียกได้ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายจริงๆ หากอยากสัมผัสกับความสุขในแบบฉบับใกล้กรุงฯ ต้องมาที่ จ.นครปฐม

ที่ตั้ง : จ.นครปฐม

โทรศัพท์ : 034 752847 – 8 (ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม)

เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org/samutsongkhram

5.ปทุมธานี

วันหยุดนี้ถ้าไม่อยากเดินทางไกลก็ลองแวะไปเที่ยวที่ จ.ปทุมธานี กันนะ  ซึ่งจังหวัดนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและน่าสนใจอีกมากมาย และที่สำคัญสะดวกสบายในการเดินทางเป็นอย่างมาก อาทิ วัดเจดีย์ทอง ที่โดดเด่นด้วยเจดีย์ทองทรงรามัญ เนื่องจากวัดแห่งนี้เป็นวัดในชุมชนมอญ ลักษณะการก่อสร้างจึงคล้ายเจดีย์ในเมืองพุกาม

หรือจะไปสักการะหลวงพ่อโตที่วัดโบสถ์  ซึ่งรูปปั้นจะมีความสูง 28 เมตร สวยงามอลังการสมกับความศรัทธาของผู้คน นอกจากนี้ยังมี เจดีย์หอยนางรม ไหว้พระหน้ายิ้มและพระหน้าบึ้งที่วัดสิงห์  และยังมีร้านอาหารอร่อย ขนมถูกปากรสชาติถูกใจที่เหมาะจะเป็นของฝากอีกด้วย

ที่ตั้ง : จ.ปทุมธานี

โทรศัพท์ : 02 2505500

เว็บไซต์ : www.tourismthailand.org

ขอบคุณภาพจาก: http://www.tiewpakklang.com

ที่เที่ยวสุดฮิตเส้นชะอำ-หัวหิน ไปแล้วพลาดไม่ได้

ชะอำ-หัวหิน เป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาหลายยุคหลายสมัย

นอกจากจะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงนิดเดียวแล้ว ที่นี่ยังครบครันด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายให้เราแชร์ความสุขกันได้ทั้งแบบเพื่อนฝูงและครอบครัว แต่ถ้าไม่นับรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เราคุ้นหูกันอย่างหาดชะอำ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน หรือแม้แต่หาดหัวหินมาเป็นแลนด์มาร์ค

ในชั่วโมงนี้แหล่งท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดบนเส้นชะอำ – หัวหิน ก็คงต้องยกให้บรรดาที่เที่ยวสวยๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจเมืองท่องเที่ยวชื่อดังในต่างประเทศอย่าง สวิสชีฟฟาร์ม ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ และเวเนเซีย หัวหิน ซึ่งแต่ละแห่งโดดเด่นคอนเซ็ปต์ และเอกลักษณ์ที่กตกต่างจนสามารถสร้างสีสันการท่องเที่ยวบนเส้นทางชะอำ-หัวหิน ให้คึกคักและเต็มไปด้วยความสนุก ถูกใจนักเดินทางทุกวัยเลยทีเดียว

สวิส ชีฟ ฟาร์ม (Swisa Sheep Farm)

ฮิตจนใครต่อใครที่มาเที่ยวชะอำเป็นต้องแวะฟาร์มแกะสุดน่ารักแห่งนี้ ว่ากันที่นี่สวยโดนใจคนเลิฟการถ่ายรูปมากๆ ด้วยการออกแบบฟาร์มในบรรยากาศแบบสวิส โอบล้อมด้วยสนามหญ้าเขียวๆ และขุนเขาสลับซับซ้อน สามารถตอบโจทก์คนรักภูเขา และอยากมาเที่ยวทะเลไปพร้อมๆ กัน ภายในสวิส ชีฟ ฟาร์ม มีกิจกรรมมากมายให้เลือกสนุก ไม่ว่าจะเป็นไฮไลท์สุดฮิตอย่างการป้อนหญ้าให้น้องแกะขนฟูๆ ได้กินอย่างอิ่มหมีพลีมัน เพลิดเพลินกับการขี่ม้าสัมผัสสายลมและขุนเขา ฝึกยิงธนู

หรือจะชวนคนรักไปคล้องกุญแจแห่งความรักด้วยกันก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ที่หลายคนมาแล้วห้ามเลยก็คือ การหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตามมุมสวยๆที่ตกแต่งไว้อย่างไม่ซ้ำอารมณ์เลยทีเดียว โดนใจสาวกโซเชียลมีเดียร์ที่ชอบและแชร์เป็นอย่างยิ่ง หรือถ้าชวนกันมาเที่ยวเป็นครอบครัว ที่นี่ก็มีพื้นที่กว้างๆ ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นอย่างเหลือเฟือ และก่อนกลับอย่าลืมแวะร้านของฝากซื้อของที่ระลึกน่ารักๆ กลับไปสักคนละชิ้นสองชิ้น รับรองว่าคนรับเห็นแล้วต้องได่ใจไปเต็มๆ แน่นอน

ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ (Santorini Park)

แหล่งช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ และสวรรค์ของคนรักการถ่ายรูปย่านหัวหิน-ชะอำ ที่มาพร้อมสโลแกน “Amused Shopping Experience” หรือ “สีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก” บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศอันงดงามของเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ

ให้คุณได้สนุกไปกับเครื่องเล่นนานาชนิดและแหล่งชอปปิ้งที่ตามโซนต่างๆ อาทิ  โซนวิลเลจ (Village) รวบรวมร้านค้าที่ตอบสนองความต้องการและความชอบได้ทุกเพศ ทุกวัย มีทั้งสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง แฟชั่นแอ็คเซสซอรี่ส์ สินค้าไลฟ์สไตล์ อาร์ตแอนด์เดคคอร์ โซนพาร์ค (Park) ยกเอาสวนสนุกขนาดย่อมมาไว้บนพื้นที่สีเขียว เครื่องเล่นทุกชิ้นผ่านการคัดสรรมาอย่างดีในแง่ความสนุก ความแปลกใหม่ และปลอดภัยเล่นได้ทั้งครอบครัว โซนอีเว้นท์ (Event) ทีจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดปี ทั้งกิจกรรมพิเศษ คอนเสิร์ตที่จุผู้ชมได้เกือบหนึ่งหมื่นคน

โซนวีคเอนด์ อาร์ต มาร์เก็ต (Weekend Art Market) ที่จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เอาใจนักชอปที่ชื่นชอบการเลือกซื้อสินค้าแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนใครและสุดท้ายคือ โซนเรสต์ แอเรีย (Rest Area) ไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วยร้านอาหารและร้านกาแฟ ให้นั่งพักผ่อนแบบชิลล์ๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดสนุกที่มีมุมพักผ่อนให้เลือกได้แบบไม่ซ้ำอารมณ์เลยทีเดียว

เวเนเซีย หัวหิน (The Venezia Hua Hin)

สไตล์มอลล์สุดชิคที่จำลองบรรยากาศเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีมาไว้ที่เมืองไทย โดยมีคอนเซ็ปต์เก๋ๆ ว่า “เวเนเซีย หัวหินที่สุดแห่งประสบการณ์การท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบเวนิสแห่งแรกแห่งเดียวในเมืองไทย”

เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดบนเส้นทางชะอำ- หัวหิน ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสัมผัสความเป็นเวนิสได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการจำลองจัตุรัสเซ็นต์มาร์ค  และหอระฆัง สัญลักษณ์ของเมืองเวนิสมามาเป็นแลนด์มาร์คให้นักท่องเที่ยวแอ็คท่าถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน้าโครงการ

รวมถึงแกรนด์คาแนล หรือคลองขนาดใหญ่ความยาวกว่า 200 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิชประเทศอิตาลี พร้อมเรือกอนโดลา ให้นักท่องเที่ยวได้ล่องชมบรรยากาศของอาคารสีสันสดใสทั้งแดง เขียว ส้ม ฟ้า ดูสดใสสะดุดตารอบๆ โครงการ

นอกจากนั้นพื้นที่กว้างใหญ่ภายใน เวเนเซีย หัวหิน ยังประกอบด้วย วิลเลจ โซน รวบรวมร้านค้าชั้นนำกว่า 300 ร้าน ทั้งแบรนด์ทั่วโลก และแบรนด์ชั้นนำของเมืองไทย พร้อมทั้งร้านค้าสไตล์อินดี้ สินค้าแฮนด์เมด ร้านอาหารและเครื่องดื่ม illage Hall ลานกิจกรรมในร่มโซนชอปปิ้ง โซนสนามเด็กเล่น ที่คุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ จะได้สนุกสนานกับกิจกรรมและเครื่องเล่นต่างๆ มากมาย อาทิ ฟาร์มม้า ฟาร์มแกะ

รวมทั้งโซนประติมากรรมสไตล์อิตาเลียน อาทิ น้ำพุ ศาลา ฯลฯ หรือจะชวนกันนั่งรถม้า รถไฟเล็กชมบริเวณรอบๆ โครงการก็น่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนนี้เวเนเซีย หัวหิน ยังได้เปิดให้ชมอย่างเป็นทางการ แต่นักท่องเที่ยวสามารถแวะเข้าไปชอปปิ้งและถ่ายรูปภายในพื้นที่โครงการบางส่วนได้แล้ว และคาดว่าหากเปิดอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ เชื่อว่าต้องเป็นแหล่งท่องเทียวที่ฮอตสุดๆ อีกแห่งอย่างแน่นอน

ด้วยระยะเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ สำหรับการเดินทางไปเทียวเที่ยวชะอำ-หัวหิน คุณก็สามารถสัมผัสสถานที่สวยๆ ในบรรยากาศแบบยุโรปได้แบบใกล้ชิด โดยไม่ต้องบินไปไกลให้เสียตังค์มากมาย แถมเป็นยังเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุก ที่ประทับใจจนอยากจะกลับไปเที่ยวอีกหลายรอบ

– สวิส ชีฟ ฟาร์ม (Swisa Sheep Farm) ถนนเพชรเกษม ก่อนถึงทางเลี้ยวเข้าชะอำ จ.เพชรบุรีโทรศัพท์ 0 3277 2494 – 5 เว็บไซต์ www.swisssheepfarm.com

– ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ (Santorini Park) ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-20.00 น. วันเสาร์ 11.00-21.00 น. วันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-20.00 น. เว็บไซต์ www.santoriniparkchaam.com

– เวเนเซีย หัวหิน (The Venezia Hua Hin) ถนนเพชรเกษม อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โทรศัพท์ 0 3244 2823-5 เว็บไซต์: www.theveneziahuahin.com

เที่ยวใจกลางใกล้แค่เอื้อม! 5 ทะเลสวยใกล้กรุงเทพ ขับรถนิดเดียวถึง

เอาใจคนชอบเที่ยวแบบใกล้และใช้เวลาในวันหยุดพักผ่อนแบบคุ้มค่า กับสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลสวยๆ ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความงดงามของธรรมชาติ สายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นได้อย่างใกล้ชิด  

1.หาดเจ้าสำราญ

วันหยุดพักผ่อนทั้งที ถ้าได้มาเที่ยวรับลมริมทะเลสบายๆ คงดีไม่ใช้น้อย และที่หาดเจ้าสำราญก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการพักผ่อนที่เดินทางสะดวกและไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่หาดเจ้าสำราญแห่งนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบ มีสัตว์ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ทั้งปูเสฉวน หอย แมงกะพรุน พร้อมที่พักที่สะดวกสบายไว้คอยบริการอีกเพียบ

ที่ตั้ง : จ.เพชรบุรี

2.ชะอำ

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ไม่ตกลิสต์ไปเลยสำหรับชายหาดชะอำ ซึ่งนอกจากจะมีทะเลสวยน้ำใสและบรรยากาศที่แสนจะเย็นสบายแล้ว ที่ชะอำแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร  วนอุทยานเขานางพันธุรัต สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ซึ่งแต่ละที่นั้นก็มีความสวยงามและน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ใครที่ไปเที่ยวชะอำก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวสถานที่อื่นๆ ในชะอำด้วยนะ

ที่ตั้ง : อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

3.หัวหิน

จัดเป็นแหล่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักเยอะมาก และสะดวกสบายในการเดินทางที่สุด เพราะที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ชายหาด แต่ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอย่างเพลินวาน ชายหาดเขาตะเกียบ หมู่บ้านศิลปิน ตลาดจั๊กจั่น ตลาดน้ำหัวหิน ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม หาดทรายน้อย หัวหินซาฟารี หมู่บ้านช้าง เป็นต้น เรียกได้ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมากที่รอให้คุณได้ไปสัมผัสกับความสนุกและความสวยงาม

ที่ตั้ง : อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

4.ปราณบุรี

แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอ่าวไทยที่ถือว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากการเดินทางที่แสนจะสะดวก บวกกับใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่างหัวหิน จึงทำให้ที่ปราณบุรีเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญในการเที่ยวของหลายๆ คน นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในปราณบุรีอีกมากมาย อาทิ ปากน้ำปราณ วนอุทยานท้าวโกษา (เขากะโหลก) หาดเขากะโหลก เกาะนมสาว(สามร้อยยอด) เป็นต้น และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ที่รอให้คุณไปสัมผัสกับความสวยงามที่ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ที่ตั้ง : อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

5.บ้านกรูด

ชายหาดขนาดเล็กที่เงียบสงบและมีเสน่ห์ บรรยากาศโดยรอบของที่นี่โอบล้อมไปด้วยทิวมะพร้าว ชายหาดที่ยาวสุดลูกหูลูกตา และน้ำทะเลสีฟ้าใสที่น่าไปลอยเล่นให้เย็นสบายกาย ที่หาดบ้านกรูดจะแบ่งออกเป็น 2   หาด คือ หาดบ้านกรูดเหนือและหาดบ้านกรูดใต้  มีเขาธงชัยคั่นกึ่งกลางไว้

โดยหาดบ้านกรูดใต้จะมีรีสอร์ทไว้คอยบริการอีกมากมาย หรือใครอยากชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านก็สามารถไปชมกันได้ เรียกได้ว่าเสน่ห์แห่งบ้านกรูดเป็นความประทับใจที่ควรค่าแก่การจดจำเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง  : ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ขอขอบคุณภาพจาก: www.เที่ยวภาคกลาง.com

หนาวนี้ห้ามพลาด! 5 ร้านอร่อยเด็ดถนนนิมมาน จ.เชียงใหม่

หากเพื่อนๆ วางแผนขึ้นเหนือไปเที่ยวเชียงใหม่ แล้วมีถนนนิมมานเหมินทร์ เป็นหมุดหมายที่ต้องแวะไปนอนสักคืน ไปป่ะล่ะ! ได้จัดร้านอร่อยขึ้นชื่อสำหรับคนไปเที่ยวย่านนั้นมาฝากแล้ว 

1.ร้านคั่วไก่นิมมาน

ร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เจ้าดังแห่ง ถ.นิมมาน ที่มีลูกค้าแน่นร้านทุกวัน เพราะความอร่อยของเมนูอาหารและการบริการที่เป็นกันเองของทางร้าน ทำให้ร้านนี้เป็นมีลูกค้าติดอกติดใจมาทานกันอย่างไม่ขาดสาย

เมนูเด่นและสุดยอดของร้านนี้คือก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ที่ครบเครื่องทั้งเส้น เนื้อไก่เน้นๆ และวัตถุดิบคุณภาพดีที่ปรุงออกมาได้รสชาติที่กลมกล่อม และยังมีเมนูที่น่าสนใจอย่างก๋วยเตี๋ยวคั่วทะเลไข่อบกะทะร้อน ข้าวซอย ไก่ทอดครีมซอสมะนาว หมูสะเต๊ะ ฯลฯ และยังมีเมนูอาหารอร่อยๆ อีกมากมายที่ขอรับรองว่าได้ทานแล้วจะต้องติดใจ

ที่ตั้ง : 9/1 ถ.นิมมานเหมินทร์ ซ.17 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 21.00 น.

โทรศัพท์ : 08 2180 1177

เว็บไซต์ : www.facebook.com/kuakai-nimman

2.ร้านต๋องเต็มโต๊ะ

ร้านเด็ดของถ.นิมมาม ที่เมื่อมาถึงแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด ร้านนี้เปิดให้บริการอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย มีลูกค้าติดใจในรสชาติมากมาย

เมนูอาหารของที่ร้านก็หลากหลาย มีให้เลือกสั่งตั้งแต่เมนูออเดิร์ฟเมือง หมูสามชั้นทอดกรอบ แกงฮังเล ข้าวซอย และเมนูอาหารพื้นเมืองรสเด็ดอีกมากมาย ใครที่อยากลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ ในบรรยากาศที่ร่มรื่นและการบริการที่เป็นกันเองต้องไปที่ร้านต๋องเต็มโต๊ะ

ที่ตั้ง : ถ.นิมมานเหมินทร์ ซ.13 อ.เมือง จ.เชียงใหม่

เวลาเปิด – ปิด : 11.00 – 24.00 น.

โทรศัพท์ : 053 894701

3.ร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม

ร้านเนื้อตุ๋นเจ้าอร่อยที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 50 ปี มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ติดใจในรสชาติมากมาย ด้วยวัตถุดิบที่ทางร้านคัดสรรนำมาปรุงและเนื้อชั้นดีที่นำมาตุ๋นจนนุ่มละลายในปาก ถูกอกถูกใจสาวกเนื้อที่สุด

เมนูแนะนำของร้านนี้มีตั้งแต่เกาเหลาเนื้อรวม เกาเหลารวมหม้อไฟ ข้าวแกงกะหรี่เนื้อและเอ็น เรียกได้ว่าเมนูที่ทำจากเนื้อตุ๋นร้านนี้เด็ดดวงทุกเมนู นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจไว้บริการอีกด้วย ใครที่เป็นคอเนื้อตุ๋นห้ามพลาดร้านนี้เด็ดขาด หรือแวะมาชิมความอร่อยได้ที่ร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม นิมมาน ซ.11 ได้เลย

ที่ตั้ง : 26 ถ.นิมมานเหมินทร์ ซ.11 อ.เมือง จ.เชียงใหม่

เวลาเปิด – ปิด : 10.00 – 20.00 น.

โทรศัพท์ : 08 1472 9619, 08 9759 8947

เว็บไซต์ : www.facebook.com/RodYiamNimmanSoi11

4.ร้าน Ristr8to

ร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งที่นี่มีเมนูกาแฟให้เลือกชิมและชมไปพร้อมๆ กัน จนสื่อหลายแห่งให้ความสนใจอีกด้วยร้านนี้มีกาแฟให้ลูกค้าเลือกสั่งมากมาย พร้อมกับมีแผนผังวิธีการสั่งกาแฟแปะไว้เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น จุดเด่นอีกอย่างของร้านนี้คือจะนำเข้าเมล็ดกาแฟจากทั่วทุกมุมโลกให้ลูกค้าได้ชิมกัน ใครที่เป็นคอกาแฟห้ามพลาดร้านนี้อย่างเด็ดขาด

ที่ตั้ง : 15/3 ซ.นิมมานเหมินทร์3 ถ.นิมมานเหมินทร์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

เวลาเปิด – ปิด : 08.00 – 23.00 น.

โทรศัพท์ : 08 1978 0471, 053 215278

เว็บไซต์ : www.ristr8to-coffee-chiangmai.com

5.ร้าน The Salad Concept (เดอะ สลัดคอนเซปท์)

สาวกอาหารเพื่อสุขภาพห้ามพลาดร้านไอเดียเก๋กู๊ดร้านนี้เด็ดขาด ซึ่งร้านนี้เกิดจากความตั้งใจของสองสาวพี่น้องที่อยากเห็นทุกคนสุขภาพดีปราศจากโรคมะเร็งและเชื่อในพลังของอาหารสุขภาพ

โดยจะเน้นเมนูสลัดผักและน้ำผลไม้แยกกากที่ปราศจากน้ำตาลพร้อมเสิร์ฟมาคู่กับน้ำสลัดโฮมเมดที่เจ้าของร้านตั้งใจทำออกมาอย่างสุดฝีมือ และยังมีเมนูขนมปังโฮลวีทและซุปอร่อยๆ ไว้สำหรับทานคู่กับสลัดผัดอีกด้วย

ใครที่อยากสุขภาพดีและห่างไกลจากโรคต้องแวะไปทานสลัดผักสดๆ ได้ที่ร้าน The Salad Concept

ที่ตั้ง : 49/9-10 ปากซอย13  ถ.นิมมานเหมินทร์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

เวลาเปิด – ปิด : 11.00 – 22.00 น.

โทรศัพท์ : 053 894455

เว็บไซต์ : www.thesaladconcept.com

วัดร่องขุ่น วัดสวยเมืองเชียงราย ที่ต้องไม่พลาดไปเยือนสักครั้งในชีวิต

หากใครได้เดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่จะพลาดไปไม่ได้เลยนั่นคือ วัดร่องขุ่น แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติและชาวไทย โดยการสร้างสรรค์ของศิลปินเอกแห่งยุคสมัย นามว่า เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่มีความคิดกว้างไกล ว่าอยากจะสร้างบางเอาไว้เพื่อตกทอดแก่รุ่นลูกรุ่นหลาน โดยได้ออกแบบและดำเนินการสร้างด้วยตัวเองทั้งหมด

วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ซึ่งมีความงดงามราวกับสรวงสวรรค์ โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย ได้เห็นความทรุดโทรมของวัดร่องขุ่นตั้งแต่โบราณและได้แรงบันดาลใจอยากจะบูรณะให้มีความใหม่ด้วยเงินเก็บทั้งหมด และลงมือเองด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด โดยเป็นสิ่งที่น่าศรัทธายิ่งนักเพราะว่า การสร้างวัดแห่งนี้ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ และไม่เคยเรี่ยไรเงินด้วยกฐินผ้าป่า

วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นในหลายส่วน ส่วนหลักๆ คือ พระอุโบสถ ที่มีความวิจิตรอลังการโดยเน้นที่สีขาวบริสุทธิ์เพื่อแทนในส่วนของพระบริสุทธิ์คุณ ในส่วนของสะพานทางเดินก็มีความหมายดีไม่แพ้กัน คือการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ก็ได้นำหลักธรรมมาสื่อความหมาย คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญอีกมากมายโดยจะไม่แล้วเสร็จในหนึ่งชีวิต แต่อาจารย์เฉลิมชัยได้วางแบบแผนให้มีการดำเนินการสร้างต่อไปเมื่อวันหนึ่งเขาได้ตายลงไปแล้ว โดยแบบงานที่วางคือจะสร้างวัดให้ครบทั้ง 9 หลังแต่ละหลังจะมีความแตกต่างกันทางศิลปะ แต่จะต้องมีความงดงามอย่างเป็นที่สุดอย่างที่อาจารย์เฉลิมชัยได้กล่าวเอาไว้ว่า “ ต้องดีที่สุด ต้องสวยที่สุด ”

วันร่องขุ่น นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราควรหาโอกาสมาชมสักครั้งในชีวิต เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับประติมากรรมอันวิจิตรตระการตา ท่านยังได้ความรู้สึกอบอุ่นและแวดล้อมด้วยมนต์ขลังทางพระพุทธศาสนา ซึ่งหาได้ยากจากที่อื่น

– การเข้าชมวัดร่องขุ่น เปิดเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-18.00 น.

– ในส่วนของห้องภาพ เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.30 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 08.00-18.00 น.

เที่ยวทุ่งดอกไม้ ชมไร่ชากลางขุนเขา สิงห์ปาร์ค เชียงราย

ปลายปีอากาศกำลังเย็นสบายแบบนี้ ไปป่ะล่ะ!  เลยลัดฟ้าขึ้นเหนือไปเที่ยวเมืองสูงสุดแดนสยาม หรือจังหวัดเชียงราย กันสักหน่อย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่กำลังมาแรงในปลายปีแบบนี้ อย่างสิงห์ปาร์ค เชียงราย ที่ตอนนี้เขาเปิดไร่รับลมหนาว พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสิงห์ปาร์ค เชียงราย ในช่วงปลายปีแบบนี้มักจะไม่พลาดกับกิจกรรม ฟาร์มทัวร์ ที่เปิดให้บริการต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติ พืชพรรณต่างๆ ในไร่ ชมสัตว์ พร้อมกิจกรรมเก็บผักผลไม้ตามฤดู ซึ่งเสียค่าใช้จ่าย คนละ 50 บาท แต่ตั๋วสามารถนำไปใช้แลกเครื่องดื่มได้

ขึ้นรถแล้วก็มีเจ้าหน้าที่บรรยายนำชมตามจุดต่างๆ โดยเค้าบอกว่า ไร่สิงห์ปาร์คเชียงรายนั้น มีพื้นที่เกี่ยวกับการเกษตรกรรมหลากหลายชนิด เช่น ไร่ชา ที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่กว่า 600 ไร่ พุทราพันธุ์ ชื่อหมี่ มะเฟืองยังษ์หวาน มัลเบอรี่ สตอเบอรรี่ เมล่อน ฯลฯ

ด้วยหัวใจหลักของของสิงห์ปาร์ค เชียงราย คือการมุ่งเน้นการทำเกษตรแบบผสมผสาน การรักษาสมดุลของธรรมชาติ และการอยู่ร่วมกันกับชุมชน โดยมีความตั้งใจที่จะพัฒนาพื้นที่ “สิงห์ปาร์ค เชียงราย”ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงราย และได้พัฒนา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สร้างความสุขให้กับชมชุนรอบข้าง รวมทั้งผู้ที่ได้มาเยือน

เรานั่งรถผ่านไร่ผลไม้หลายชนิด เช่น พุทราพันธุ์ ชื่อหมี่ มะเฟืองยังษ์หวาน มัลเบอรี่ สตอร์เบอรรี่ โดยจุดแรกทีรถจอดให้เราได้เที่ยวนั่นคือ ทุ่งดอกคอสมอส ที่กำลังออกดอกบ้านสะพรั่งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ใครชอบถ่ายรูปบอกเลยว่า เห็นแล้วกดชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้งแน่นอน

ใกล้ๆ กันก็เป็นไร่ชาสายพันธุ์จินซวนอู่หลง หรืออู่หลงเบอร์12 ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ถ่ายรูปไร่ชาและทุ่งดอกไม้เสร็จ ก็แวะไปชมความน่ารักของชีวิตสัตว์ต่างๆ ในฟาร์ม เช่น ยีราฟ ม้าลาย และวัววาตูซี่  ซึ่งตรงนี้เราสามารถป้อนอาหารยีราฟได้ด้วย

ส่วนใครชอบออกกำลังกาย ภายในไร่นั้นยังมีศูนย์จักรยาน บริการให้เช่าจักรยาน หรือจะนำมาเองขี่ก็ได้ โดยมีเส้นทางอันสวยงามภายในไร่ให้คุณได้ปั่นสัมผัสความงดงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

เที่ยวสนุกแล้วก็มาแวะมาเติมพลังความอร่อยได้ที่ ร้านอาหารภูภิรมย์ ร้านอาหารสุดอร่อยของสิงห์ ปาร์ค เชียงราย ตั้งอยุู่บริเวณจุดชมวิวไร่ชา พร้อมสั่งอาหารอร่อยๆ มาลิ้มลองกัน

เมนูแนะนำให้ลิ้มลองกัน ก็คือ ยอดชาทอดกรอบ ไก่ย่างภูภิรมย์ ส้มตำซี่โครงแกะย่าง สลัดภูภิรมย์ ที่น่ากินและอร่อยทุกจาน

ก่อนกลับต้องไม่พลาดแวะอุดหนุน ร้านกาแฟเจ้าอร่อย หรีอจะเป็น ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสิงห์ปาร์ค มีทั้ง ชา น้ำผลไม้ ผลไม้แปรรูป และของที่ระลึกต่างๆ ให้ท่านได้เลือกซื้อกันมากมาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 5317 2870 หรือกิจกรรมฟาร์มทัวร์ สอบถามรายละเอียด โทร.09 1576 0374 หรือ https://www.facebook.com/boonrawdfarm

10 ข้อควรรู้ก่อนไปเที่ยว น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี มีชั้นน้ำตกสวยงามหลากหลายชั้น ใครที่ไปก็ย่อมอยากไปเที่ยวให้ครบทุกชั้น และนี่คือ 10 ข้อควรรู้ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวน้ำตกแห่งนี้ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดชมความงามทุกจุด และเต็มอิ่มกับอรรถรสในการเที่ยวครับ

1. ทานอาหารให้อิ่มก่อนไปถึงหน้าอุทยาน –ร้านอาหารที่หน้าอุทยานเองก็มีแต่รสชาติและราคาอาจไม่ถูกใจเสียเท่าไหร่ แนะนำว่าควรกินอาหารในตัวเมืองให้เรียยบร้อยก่อนเดินทางไปที่น้ำตก

2. ออกให้เช้าเข้าไว้ – ถึงเช้ากว่าบรรยากาศดีกว่า อากาศสดชื่นกว่า และที่สำคัญอากาศไม่ร้อนด้วย

3. หลีกเลี่ยงการไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณในช่วงหน้าฝน – หน้าฝนบางครั้งทางอุทยานจะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม หากเป็นไปได้ควรเลือกไปเที่ยวหน้าร้อนหน้าหนาวดีกว่า จะได้เข้าชมได้แน่ๆ

4. ฟิตร่างกายให้พร้อม – 7 ชั้นของน้ำตกเอราวัณ ระยะทางอาจไม่ไกลมาก แต่ความชันของภูเขาเรียกได้ว่าโหดอยู่ ใครที่ร่างกายไม่แข็งแรงอาจจอดแค่ ชั้น 3 ชั้น 4 ได้

5. หากมานั่งปิคนิคกับครอบครัว หยุดที่ ชั้น 2 ก็พอ – ชั้นสองของน้ำตกเอราวัณมีชื่อว่า วังมัจฉา ชั้นนี้บรรยากาศดี เหมาะกับการนั่งพัก ชมวิวกินลม ถ้าพาพ่อแก่แม่เฒ่ามาด้วย พักอยุ่ที่ชั้นนี้เวิร์คสุดครับ

6. อุทยานจะเชิญให้คนเดินลงตั้งแต่บ่าย 4 โมง – เพื่อความปลอดภัยทางอุทยานจะไล่นักท่องเที่ยวลงจากน้ำตกชั้นบนๆตั้งแต่บ่าย 4 โมง ถ้า 4 โมงตรงเป๋ง ถึงชั้น 6 เราก็จะโดนไล่หลับไม่ให้ไปถึงชั้น 7

7. จากข้อ 6 เราควรเริ่มเดินขึ้นตั้งแต่ 13.00-14.00 น. – อย่าประมาทว่าระยะทางไม่ไกล ความชันจะทำให้เราเหนื่อยและต้องพักบ่อย ไหนจะยังต้องเอาเวลามาถ่ายรูปอีก ถ้าเป็นได้บ่ายโมงก็ควรสตาร์ทได้แล้ว แต่ถ้ามั่นใจในความไว บ่าย 2 ก็ยังทันอยู่นะ

8. เตรียมตัวรับการปีนป่าย – หลังจากชั้น 4 ไป เราจะเปชิญกับน้ำตกแท้ๆ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ควรแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงที่สุด เพื่อความสะดวกในการไต่หิน และ ขอนไม้

9. พกอาหารรองท้องติดรถไว้ – หลังจากเราเที่ยวเสร็จ 7 ชั้น ลงรถมา เราจะเหนื่อยและหิวโฮก การมีช๊อกโกแลตบาร์ติดรถไว้จะช่วยบรรเทาความหิวและพลังงานที่เสียไปได้เยอะ เพราะถว่าเราจะกลับถึงตัวเมืองมันกินเวลาโขอยู่ อาจหมดแรงเป็นลมกันได้

10. ขับรถกลับบ้านก่อนมืด – อย่าอยู่บนเขานานเพราะยิ่งดึกทางยิ่งเปลี่ยวและอันตราย ยิ่งไม่ชำนาญทางยิ่งควรกลับในขณะที่ฟ้ายังสว่างอยู่จะดีที่สุดครับ

เรียบเรียงโดย Travel.mthai.com

5 ร้านอาหารอร่อยชะอำ สุดยอดร้านเด็ด เมนูอร่อยเพียบ

ชะอำ เมืองท่องเที่ยวริมทะเลบรรยากาศชิลล์ๆ ที่นักเดินทางชอบพาครอบครัวไปพักผ่อนและสนุกสนานกับกิจกรรมริมชายหาดมากมาย อีกทั้งยังมีร้านอร่อยๆ ที่นักชิมจำนวนไม่น้อยติดอกติดใจ และไปเที่ยวทุกครั้งไม่พลาดชิม ตามไปป่ะล่ะ! ไปตะลุยร้านเด็ดๆ กันได้เลย 

1.ร้านปลาทูเรสเตอรองท์

ร้านอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็น Best on the Beach ของชายหาดชะอำ มีอาหารให้คุณเลือกทั้งอาหารทะเลสดๆ อาหารไทยพื้นบ้าน อาหารยุโรป อาหารค็อกเทล และเครื่องดื่มหลากหลายชนิดโดยฝีมือแม่ครัวพื้นบ้าน ที่รับรองความอร่อยโดยนักชิมชื่อดังมากมาย

สำหรับอาหารแนะนำของทางร้านที่ห้ามพลาดมีสารพัดเมนู อาทิ แกงส้มไข่ปลาริวกิวหน่อไม้ดอง เมี่ยงปลากะพง ทะเลนอนอวน ต้มยำทะเล ปลาดุกทะเลแกงส้มผักกาดดอง ทะเลเผา ไหลบัวผัดกุ้ง ฯลฯ และเมนูอร่อยอีกมากมาย เต็มอิ่มกับรสชาติอาหารและการบริการที่สุดแสนประทับใจได้ที่ร้านปลาทูเรสเตอรองค์

ที่ตั้ง : 241/44 ถ.ร่วมจิตต์ ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

โทรศัพท์ : 032 508175, 08 1378 3789, 08 1378 3798

เว็บไซต์ : www.platooretaurant.com

2.ร้านสังเวียนซีฟู้ด

ร้านอาหารทะเลบรรยากาศสบายๆ ติดชายทะเล เปิดให้บริการความอร่อยมายาวนานกว่า 40 ปี ที่ร้านนี้เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ บรรยากาศภายในร้านก็มีให้เลือกนั่งทานอาหารอร่อยๆ ได้สองโซนคือ โซนในร้านที่มีโต๊ะเก้าอี้ขนาดใหญ่จำนวนมาก

หรือใครที่อยากนั่งชิลสบายๆ ก็มีโซนริมหาด ที่จะมีร่มผ้าใบหลากสีสันพร้อมเก้าอี้ไม้ให้นั่งทานกันสบายๆ ในส่วนของเมนูนั้นมีให้เลือกสั่งมากมาย อาทิ ปูม้านึ่ง เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลาเก๋าผัดฉ่า หมึกนึ่งมะนาว กั้งทอดกระเทียม ฯลฯ โดยแต่ละเมนูนั้นจะเสิร์ฟมาในขนาดที่ใหญ่บิ๊กเบิ้มคุ้มค่าราคาแบบสุดๆ

ที่ตั้ง : 825 ถ.ภูมิเวท ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

เวลาเปิด – ปิด : จ-ศ : 10.00 – 20.00 น. , ส-อ : 10.00 – 21.00 น.

โทรศัพท์ : 032 472280, 08 6096 4799

3.ร้านชมวิวซีฟู้ด

ร้านน่านั่งบรรยากาศดีใกล้สะพานปลา ภายในร้านกว้างขวาง มีมุมให้เลือกนั่งทานอาหารและชมวิวมากมาย อาหารทะเลและวัตถุดิบของทางร้านก็เลือกสรรแต่คุณภาพเกรดเอ

สำหรับเมนูแนะนำอร่อยๆ ของทางร้านก็มีให้เลือกสั่งมากมาย อาทิ ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย หอยแมลงภู่อบ แกงส้มชะอมไข่ ปลาสองหน้า ต้มยำรวมมิตรทะเล เป็นต้น ใครที่อยากลิ้มลองอาหารทะเลรสชาติอร่อยเคล้าบรรยากาศริมทะเลสุดชิลต้องมาที่ร้านชมวิวซีฟู้ด

ที่ตั้ง : ชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

เวลาเปิด – ปิด : 10.00 – 22.00 น.

โทรศัพท์ : 08 4722 8038, 032 430350 – 1

4.ป้าฮี๊ดซีฟู้ด

ร้านซีฟู้ดเจ้าเด็ดแห่งชายหาดชะอำ ที่คัดสรรวัตถุดิบทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา สดๆ หลายเกรดหลายราคามาให้คุณได้อิ่มอร่อยกันแบบจัดเต็ม บรรยากาศภายในร้านแสนจะสบายและการบริการก็เป็นกันเอง

สำหรับเมนูที่ห้ามพลาดของร้านนี้ได้แก่ หอยลายผัดน้ำพริกเผา หมึกผัดไข่เค็ม หอยเชลล์ทรงเครื่องอบเนย ปูทะเลผัดพริกไทยดำ เมนูทะเลเผาที่ต้องทานคู่กับน้ำจิ้มรสแซ่บถึงใจที่ขอการันตีว่าอร่อยสุดๆ

ใครที่ชื่นชอบทานอาหารทะเลและเมนูจากอาหารทะเลก็สามารถมาลิ้มลองความอร่อยได้ที่ร้านป้าฮี๊ดซีฟู้ด

ที่ตั้ง : 199/20 ใกล้สะพานปลา ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

เวลาเปิด – ปิด : 08.00 – 20.30 น.

โทรศัพท์ : 032 470070, 08 1944 5219

5.ร้านเจ๊แดงบางควาย

ร้านอาหารพื้นบ้านแสนอร่อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความจัดจ้านถึงใจในรสชาติอาหาร รวมทั้งเรื่องการบริการที่เป็นกันเอง จนทำให้มีลูกค้าติดอกติดใจกลับมาทานอีกหลายรอบ

เมนูเด็ดของร้านนี้ที่ห้ามพลาดคือ หมึกต้มหวาน สะตอผัดกุ้ง กรรเชียงปูนึ่งที่ต้องทานคู่กับน้ำจิ้มรสแซ่บสูตรเด็ดของทางร้าน ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา แกงส้มไข่ปลาริวกิว ฯลฯ และยังมีเมนูเด็ดๆ อีกมากมายที่รอให้คุณไปลิ้มลองความอร่อยที่ร้านเจ๊แดงบางควาย

ที่ตั้ง : 23/138 ถ.คลองเทียน ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 22.00 น.

โทรศัพท์ : 032 470455

สักครั้งในชีวิตไปที่นี่เถอะ! 5 ที่เที่ยวสวยสุดอันซีนในเมืองไทย

เมืองไทยมีสถานที่ท่องสวยๆ ให้เราออกเดินทางไปสัมผัสความสวยงามกันได้ตลอดทั้งปี แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่สวยงามและเห็นแล้ว ไปป่ะล่ะ! ต้องขอบอกว่า ไปที่นี่สักครั้งกันเถอะ เพราะมันสวยและดูยิ่งใหญ่เกินคำบรรยายจริงๆ 

1.วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์

เป็นวัดที่ตั้งเด่นตระหง่านท่ามกลางทะเลหมอกและธรรมชาติที่สวยงามของเขาค้อ ซึ่งจะประกอบไปด้วยเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต โดยบนยอดเจดีย์จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งมีความสวยงาม

และเป็นเสมือนอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเขาค้อ, ศาลาพระหยกเขียว ศาลาปฏิบัติธรรมรูปทรงจตุรัสโปร่ง รายรอบด้วยบานกระจกขนาดใหญ่ เพื่อให้สัมผัสกับธรรมชาติของขุนเขาเขียวชอุ่ม พร้อมทั้งมีสวนดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์ที่ไว้ประดับตกแต่งให้สถานที่แห่งนี้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่สวยงามทั้งบรรยากาศ ประติมากรรมที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะมาสัมผัสกัน

ที่ตั้ง : 95 ม.7 บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

โทรศัพท์ : 08 4494 1262

เว็บไซต์ : www.phasornkaew.org

2.วัดเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ลำปาง

เป็นวัดที่สร้างความอันซีนให้แก่นักท่องเที่ยวจริงๆ สำหรับวัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ซึ่งที่วัดแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่เจดีย์สีทองที่สร้างขึ้นบนภูเขาสูงเสียดฟ้า ล้อมรอบไปด้วยสายหมอกและทิวเขาสูง บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาว อ.แจ้ห่ม มาอย่างยาวนาน

โดยภายในบริเวณวัดจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นคือ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ส่วนชั้นสองก็จะเป็นภูผาหมอกหรือดอยจิหมอก และดอยพระบาท ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่โอบล้อมรอบตัววัดได้อย่างชัดเจน ใครที่อยากสัมผัสกับความสวยงามแบบอันซีนของวัดเฉลิมพระเกียรติฯ ห้ามพลาดเด็ดขาด

ที่ตั้ง : อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง

โทรศัพท์ : 053 276140-2 (ททท.สำนักงานเชียงใหม่)

3.วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี

สถานที่ปฏิบัติธรรมที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ซึ่งวัดแห่งนี้เกิดขึ้นจากความตระหนักถึงคุณประโยชน์ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร จึงต้องการรักษาความสมบูรณ์ของป่าไม้ให้เป็นมรดกคู่แผ่นดินไทย ที่วัดป่าภูก้อนจึงเป็นสถานที่ที่สงบเหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนาของพระสายกรรมฐาน

ภายในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา เป็นประธานประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ และมีพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานมีลักษณะอ่อนช้อยงดงาม นับว่าเป็นความงามที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบจนต้องแวะมาสักครั้งในชีวิตให้ได้

ที่ตั้ง : อ.นายูง จ.อุดรธานี

โทรศัพท์ : 08 1866 9752, 08 1184 3743

เว็บไซต์ : www.facebook.com/watpaphukon

4.วัดภูทอก จ.บึงกาฬ

จังหวัดน้องใหม่ก็ไม่น้อยหน้า มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเช่นกันอย่าง วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร เป็นวัดที่เงียบสงบและแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่อุมดสมบูรณ์ ภูทอกจะแบ่งออกเป็น 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย ซึ่งพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะสามารถชมความงดงามของสถานที่ได้คือภูทอกน้อย

ส่วนภูทอกใหญ่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชม จุดเด่นของวัดภูทอกคือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอกแบบชัดเจน 360 องศา มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยชั้นบนจะมีพระพุทธรูปสำหรับสักการะและบริเวณพื้นที่สำหรับปฏิบัติธรรม ใครที่อยากมาสัมผัสความงดงามของวัดภูทอก อีกหนึ่งอันซีนของไทยก็สามารถมาได้ที่ จ.บึงกาฬ

ที่ตั้ง : อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

5.วัดเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี

เป็นวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของภูเขาที่สูงที่สุดใน จ.ลพบุรี โดยสูงจากระดับน้ำทะเล 650 เมตร และถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่เมื่อใครมาเที่ยว จ.ลพบุรี แล้วต้องมากราบไหว้รอยพระพุทธบาทที่อยู่บนยอดเขาสูงด้วยบันได 3,790 ขั้น และเมื่อไปถึงยอดสูงสุดของเขาแล้ว

บอกได้คำเดียวว่านี่คือสวรรค์บนดินที่สวยงามและน่าประทับเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับแรงที่เสียไปจริงๆ ใครที่มาเที่ยว จ.ลพบุรี ก็อย่าลืมแวะมาชมความงดงามและทดสอบพลังศรัทธากันได้ที่วัดเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี

ที่ตั้ง : ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

โทรศัพท์ : 036 770096-7 (ททท.สำนักงานลพบุรี)

เว็บไซต์ : www.facebook.com/Tat-Lopburi